วันที่ 5 มี.ค. CNN Business รายงานว่า บริษัทสตาร์บัคส์ หนึ่งในเครือร้านกาแฟรายใหญ่ระดับโลกจากสหรัฐ ได้ออกมาประกาศว่าจะระงับการจำหน่ายเครื่องดื่มสำหรับผู้ที่นำภาชนะส่วนตัวมาเองชั่วคราว มีผลบังคับใช้กับสตาร์บัคส์ทุกสาขาในอเมริกาเหนือ เพื่อช่วยป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 โดยจะจำหน่ายเครื่องดื่มทุกชนิดทั้งร้อนและเย็นในแก้วหรือถ้วยกระดาษแทน
Rossann Williams ประธานบริษัทสตาร์บัคส์ที่ดูแลธุรกิจในสหรัฐอเมริกา
และแคนาดา กล่าวว่า ทางบริษัทจะยังให้ส่วนลด 10 เซ็นต์ (ประมาณ 3 บาท) ตามปกติ สำหรับลูกค้าทุกคนที่นำภาชนะส่วนตัว หรือแก้วใส่กาแฟมาโชว์ต่อพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถใช้ภาชนะนั้นได้ก็ตาม
“เรามองในแง่ดีว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นโดยเร็ว เราจะยังชี้แจงด้วยความโปร่งใส กล้าหาญและมีความรับผิดชอบ เพื่อให้ความสำคัญกับสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของคู่ค้า และลูกค้าของเรา” Williams กล่าว
ทางสตาร์บัคส์ยังแจ้งว่า จะเพิ่มการรักษาความสะอาดในร้านทุกสาขา ทั้งในสหรัฐและแคนาดา และระงับการเดินทางทางอากาศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ของพนักงานทุกระดับตลอดเดือนมีนาคม รวมถึงการประชุมใหญ่ที่สำนักงานในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา อาจจะถูกเลื่อนหรือเปลี่ยนแปลงวัน
แม้สตาร์บัคส์ยังไม่ได้ให้รายละเอียดชัดเจนว่า การระงับจำหน่ายเครื่องดื่มใส่ภาชนะส่วนตัวสำหรับสาขาในอเมริกาเหนือจะมีผลถึงเมื่อใด แต่ข้อมูลของบริษัทระบุการเป็นผู้บุกเบิกการใช้ภาชนะส่วนตัวบรรจุเครื่องดื่มกลับบ้าน เพื่อลดขยะพลาสติกมาตั้งแต่ปี 2528
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทไม่ได้แจ้งระยะเวลาที่จะระงับการจำหน่ายเครื่องดื่มใส่ภาชนะส่วนตัว ข้อมูลระบุว่า สาขาในซีแอตเทิลเป็นผู้ริเริ่มการให้ส่วนลดแก่ลูกค้า สำหรับผู้ที่นำภาชนะมาใส่เครื่องดื่มเองตั้งแต่ปี 1985 ต่อมาในปี 2010 สตาร์บัคได้เปิดตัวแคมเปญที่ส่งเสริมการใช้ภาชนะส่วนตัวเพื่อลดปริมาณขยะที่เป็นกระดาษ
มีรายงานมาว่า OYO สตาร์ทอัพโรงแรมจากประเทศอินเดีย เตรียมปลดพนักงานทั่วโลกจำนวน 5,000 – 25,000 คนสาเหตุเนื่องมาจากเพื่อลดภาระรายจ่าย และการปรับโครงสร้างการทำงานภายในบริษัท ซึ่งพนักงานที่จะถูกปลดอยู่ใน 3 ประเทศ ได้แก่ จีน, สหรัฐอเมริกา และอินเดีย โดยเฉพาะในประเทศจีน ที่ OYO ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
OYO เป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพที่เคยได้รับการจับตามอง จากการเป็นผู้ให้บริการด้านโรงแรมและที่พักในราคาไม่แพง ก่อนที่จะได้รับเงินลงทุนจากซอฟต์แบงค์ ราว 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท) และสร้างปรากฏการณ์การเติบโตของธุรกิจโรงแรมที่เร็วที่สุดในโลก นับจากเดือนธันวาคม 2017 บริษัทนี้รับบริหารโรงแรมอยู่ 53,000 ห้อง ภายในเดือนกันยายน 2019 ตัวเลขนั้นพุ่งทะยานไปถึง 1 ล้านห้อง และกลายเป็น แบรนด์ที่มีโรงแรมในเครือมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ภายในระยะเวลาหลังก่อตั้งเพียง 6 ปี
#RIPTwitter ติดเทรนด์โลก หลังทวิตเตอร์ออกฟีเจอร์ใหม่
ทำเอาแฮชแท็ก #RIPTwitter ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ทั่วโลก หลังจากที่ทางทวิตเตอร์ (Twitter) เครือข่ายโซเชียลยอดฮิต ออกฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า “Fleets” ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับโพสต์ในแอปพลิเคชันสแนปแชต (Snapchat) หรือ Stories ในแอปอินสตาแกรม (Instagram)
โดยฟีเจอร์นี้ทำให้บางข้อความหายไปภายใน 24 ชม. มีการเปิดทดสอบที่แรก และที่เดียวในประเทศบราซิล แต่หลังจากที่ให้ทดสอบใช้ ดูเหมือนว่าชาวทวิตเตอร์จะไม่ค่อยชอบใจกับฟีเจอร์นี้มากนัก เนื่องจากมองว่าฟีเจอร์ดังกล่าวไม่เหมาะที่จะใช้กับทวิตเตอร์ เพราะเป็นข้อความ อีกทั้งยังสามารถลบข้อความได้อยู่แล้วหากต้องการ
หลังจากที่เปิดตัวฟีเจอร์นี้ออกไป ก็ทำให้เกิดแฮชแท็ก #RIPTwitter ติดเทรนด์ทั่วโลก มีชาวทวิตเตอร์พูดถึงประเด็นนี้กันอย่างกว้างขวาง มากกว่า 1.15 แสนข้อความ ผู้ใช้จำนวนมากบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ฟีเจอร์ใหม่นี้ มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับโซเชียลมีเดียอื่นๆ มากเกินไป และสิ่งที่ต้องการมากกว่าคืออยากให้ข้อความที่ทวิตไปสามารถ edit สำหรือแก้ไขข้อความได้ ในกรณีที่ทวีตผิด หรือตกหล่น น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
ไวรัสโคโรน่า – วานนี้ เพจเฟซบุ๊ก Queensland Health ของออสเตรเลีย รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรัฐควีนส์แลนด์ กรณีแรกเป็นชายอายุ 81 ปี รักษาตัวในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยชายฝั่งซันไชน์ เขาเพิ่งกลับมาจากประเทศไทย
กรณีที่สองคือหญิงวัย 29 ปีจากบริสเบนซึ่งถูกกักตัวออกมาต่างหาก เธอเพิ่งเดินทางจากลอนดอนไปบริสเบนโดยมีจุดแวะพักสั้น ๆ ในสิงคโปร์
“การติดตามผู้ติดต่อนั้นกำลังดำเนินการในแต่ละกรณี ซึ่งหมายความว่าเรากำลังติดต่อกับคนที่รู้ว่ามีการติดต่อใกล้ชิดกับคนเหล่านี้โดยตรง เพื่อหาเชื้อไวรัสโคโรน่า หากกรณีที่พวกเขาได้รับการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับคนที่เราไม่สามารถระบุตัวตน เราจะอัปเดตข้อมูลสาธารณะและขอความช่วยเหลือเพื่อแจ้งเตือนบุคคลเหล่านี้เพื่อให้เราสามารถให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขาได้” สาธารณสุขควีนส์แลนด์กล่าว
ทัั้งนี้ มีสิบสามคนในรัฐควีนส์แลนด์ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ COVID-19 โดยมีสามคนมีประวัติล่องเรือ Diamond Princess
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง